ระวัง!! คุณอาจสมองเสื่อมโดยไม่รู้ตัว
โรคอัลไซเมอร์ หรือที่เรียกกันจนคุ้นเคยว่าโรคสมองเสื่อม นับว่าเป็นหนึ่งในโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งโรคนี้มีระยะเวลาในการก่อโรคนานกว่า 15-20 ปี ทำให้หลายๆ คนไม่เคยตระหนักเลยว่าวันหนึ่ง ตัวเราเองอาจจะกลายเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้
ที่จริงแล้วโรคสมองเสื่อมนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง,โรคพาร์กินสัน,ขาดฮอร์โมนไทรอยด์โดยโรคความจำเสื่อมที่เกิดจากสาเหตุเหล่านี้จึงสามารถหายขาดได้หากเราหายจากโรคนั้นๆ แต่ทว่าโรคความจำเสื่อมที่เกิดจากภาวะอัลไซเมอร์นั้นแตกต่างออกไป อาการจะค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และยิ่งปล่อยไว้นานอาการจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อัลไซเมอร์คืออะไร
อัลไซเมอร์เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมถอยของสมองที่เกิดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “เบต้า-อะไมลอยด์” ที่ไปจับตัวกับเซลล์สมองทำให้เซลล์สมองฝ่อลง จึงส่งผลกระทบต่อความทรงจำ ทักษะการนึกคิด และพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆของผู้ป่วย โดยจะแบ่งระยะของโรคได้เป็น 3 ระยะดังต่อไปนี้
- โรคอัลไซเมอร์ระยะแรกเริ่ม
ผู้ป่วยจะยังทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ขับรถ ทำงาน พูดคุยกับคนรอบตัวได้เป็นปกติ แต่จะมีการหลงลืม เช่นจำชื่อคนรู้จักไม่ได้ จำไม่ได้ว่าวางสิ่งของเอาไว้ตรงไหน เป็นต้น หากพบว่าตนเองหรือคนในครอบครัวที่มีอายุมากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาต่อไป
- โรคอัลไซเมอร์ระยะปานกลาง
ระยะนี้เป็นระยะที่ยาวนานที่สุด โดยในขั้นนี้ผู้ป่วยจะเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยจะหลงลืมเวลาหรือจำที่อยู่ของตัวเองไม่ได้ ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วย เช่น อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้า บางครั้งอาจมีการทำพฤติกรรมเดิมซ้ำๆบ่อยครั้ง
- โรคอัลไซเมอร์ระยะรุนแรง
ผู้ป่วยในระยะนี้ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างได้ อาจถึงขั้นไม่รับประทานอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
การป้องกันโรคอัลไซเมอร์
อย่างที่กล่าวไว้ว่าโรคอัลไซเมอร์นั้นไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดคือการป้องกัน โดยวิธีการดูแลตัวเองให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมก็มีหลายวิธีด้วยกัน ดังต่อไปนี้
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรเริ่มปฏิบัติตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากในขณะที่เราหลับ สมองของเราจะทำการกำจัดการสะสมของโปรตีนที่จับตัวเป็นก้อนแข็งกระจายอยู่ทั่วทั้งสมองและเซลล์ประสาท ซึ่งรวมถึงกำจัดโปรตีนตัวร้ายอย่าง “เบต้า-อะไมลอยด์” ทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ในระยะยาว
เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เช่น อ่านหนังสือ เล่นดนตรี หรือออกไปทำกิจกรรมทางสังคมต่างๆ เพราะทุกครั้งที่เกิดการเรียนรู้ เซลล์สมองจะมีการงอกแขนงใยประสาทมาเชื่อมกับเซลล์สมองรอบข้างเพื่อจดจำสิ่งใหม่ๆ ทำให้หากเราหมั่นบริหารสมองอยู่บ่อยๆ ความหนาแน่นของใยสมองจะมีมาก ส่งผลให้สมองเสื่อมได้ยากขึ้นตามไปด้วย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ก็เป็นอีกวิธีที่ส่งผลดีต่อสมองในด้าน สมาธิ และความจำได้ อีกทั้งยังส่งผลดีต่ออสุขภาพในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบหัวใจ และหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบสมองและความทรงจำของเราได้
นอกจากวิธีการดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หลายคนก็เลือกที่จะรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย วันนี้เราจึงมีสมุนไพรดีๆจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมมาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ก็คือ “พรมมิ” หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า “ผักมิ” นั่นเอง
พรมมิ คืออะไร
พรมมิ หรือผักมิ เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ขึ้นอยู่ตามริมตลิ่ง ที่มีสรรพคุณป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ไม่แพ้สมุนไพรต่างประเทศเลย โดยสมุนไพรนี้มีสาร บาโคไซด์ เอ และ บาโคไซด์ บี ที่มีผลต่อระบบประสาทในด้านการเรียนรู้ และความจำ โดยจากการทดลองให้ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป รับประทานสารสกัดจากพรมมิวันละ 300-450 มิลลิกรัม นาน 4 เดือน พบว่าอาสาสมัครมีทักษะในการเรียนรู้เกี่ยวกับการทดสอบความทรงจำที่ดีขึ้น และไม่พบความเป็นพิษต่อร่างกายแต่อย่างใด อาจจะมีผู้ทดลองบางรายที่เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร หรือคลื่นไส้ แต่ก็อยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยสูง
จากผลการทดลองความสามารถของสมุนไพรพรมมิ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการคิด การเรียนรู้ และการฟื้นฟูความทรงจำส่วนใหญ่ให้ผลเป็นเชิงบวก ทำให้พรมมิเป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่น่าจับตามอง
ที่มา
– https://www.synphaet.co.th/new/th/informations/articles/134-demo-2.html
– https://www.honestdocs.co/this-is-what-your-overactive-brain-needs-to-get-a-good-nights-sleep
– https://www.haijai.com/3879/
– http://medplant.mahidol.ac.th/document/bacopa.pdf
-https://www.alz.org/alzheimers-dementia/stages