เตรียมสุขภาพให้พร้อม เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้
หลายครอบครัวที่มีความพร้อมและต้องการมีบุตรต่างก็ประสบกับปัญหาที่ว่าทำอย่างไรก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีที่แม้ว่าจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ก็มีอัตราการตั้งครรภ์เฉลี่ยเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นในแต่ละรอบของการตกไข่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะมีบุตรได้อย่างที่หวัง
การตั้งครรภ์มีกระบวนการอย่างไรบ้าง
ในแต่ละเดือน ร่างกายของผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ไข่ภายในรังไข่เติบโตอย่างเต็มที่ และเนื้อเยื่อที่หุ้มไข่อยู่จะฉีกออก ไข่ก็จะหลุดออกมาเรียกว่า “การตกไข่” ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้หญิงมีประจำเดือนรอบล่าสุดประมาณ 2 สัปดาห์
หลังจากมีการตกไข่ รังไข่จะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมา ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนา และมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น ขณะที่ไข่กำลังเดินทางผ่านท่อนำไข่มายังโพรงมดลูกนั้น หากช่วงเวลานี้หากไข่ได้รับการผสมจากสเปิร์ม ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วก็จะเดินทางต่อมาจนถึงมดลูกและฝังตัวเข้ากับเยื่อบุโพรงมดลูก แล้วเกิดเป็นการตั้งครรภ์ขึ้นมา ทำให้วิธีเบื้องต้นที่แพทย์นิยมแนะนำเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ก็คือ ตรวจสอบการตกไข่ โดยวิธีนี้มีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้
การใช้ชุดตรวจสอบการตกไข่
ชุดตรวจลักษณะนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป จะคล้ายกับชุดตรวจสอบการตั้งครรภ์ โดยจะใช้ปัสสาวะที่เก็บในตอนเช้าหยดลงบนแผ่นทดสอบ โดยเริ่มตรวจ 2-3 วันก่อนวันที่จะตกไข่ (วันตกไข่จะอยู่ที่ประมาณ 14 วันหลังจากหมดรอบเดือนรอบล่าสุด) หากผลตรวจเป็นบวก คือมีการตกไข่ ทางแพทย์ก็จะแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ในวันนั้น และอีก 2-3 วันถัดจากวันที่มีการตกไข่ เพื่อเพิ่มโอกาสที่สเปิร์มจะเข้าไปผสมกับไข่ได้สำเร็จ
การเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการมีบุตร
การเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการมีบุตรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติร่วมกันทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเนื่องจากสุขภาพร่างกายของทั้งคุณพ่อและคุณแม่มีผลต่อการปฏิสนธิของไข่กับสเปิร์มเป็นอย่างมาก โดยวิธีการเบื้องต้นของการดูแลสุขภาพของทั้งฝ่ายชายและหญิงสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
ตรวจสุขภาพก่อนมีบุตร
แม้ว่าเราจะมีร่างกายที่แข็งแรงดี แต่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีโรคใดที่แอบแฝงอยู่ จึงควรตรวจหาโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคเบาหวาน โรโลหิตจาง เนื่องจากโรคกลุ่มนี้อาจเป็นอันตรายต่อบุตรได้ จึงต้องมีการตรวจหา และควบคุมอาการให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อการมีบุตร
ควบคุมระดับน้ำหนักตัวให้เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินกว่ามาตรฐาน BMI
การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินเกณฑ์ในเพศชายจะส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของสเปิร์มซึ่งอาจทำให้บุตรมีภาวะน้ำหนักเกินได้ ส่วนในเพศหญิงที่มีน้ำหนักเกิน อาจส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนใสมดุล ทำให้อาจไม่มีการตกไข่ หรือประจำเดือนมาไม่ปกติได้ ทำให้มีบุตรได้ยากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักในเกณฑ์ปกติ
การพักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ในเพศชายและหญิงที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันจะทำให้อัตราการตั้งครรภ์ลดลงได้ โดยเฉพาะเพศชายหากพักผ่อนไม่เพียงพออัตราการที่จะมีบุตรก็อาจลงลงได้มากถึง 42 เปอร์เซ็นต่อเดือนเลยทีเดียว
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
แอลกอฮอล์จะส่งผลต่อการปฏิสนธิ โดยจะลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเพศชายลง คุณภาพและปริมาณของสเปิร์มของเพศชายถดถอยลง ในส่วนของเพศหญิงการดื่มแอลกอฮอล์ก็จะทำให้เกิดภาวะไม่เจริญพันธุ์ หรือมีบุตรยาก
งดสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่ทั้งในเพศชายและเพศหญิงจะส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ โดยสเปิร์มและไข่จะถูกทำลายโดยสารพิษที่อยู่ในบุหรี่ทำให้มีบุตรได้ยากขึ้น
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
หากจำเป็นต้องดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนจริงๆก็ไม่ควรบริโภคคาเฟอีนเกินวันละ 200 มิลลิกรัม/วันจึงจะปลอดภัยต่อภาวะมีบุตรยาก
บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับการตั้งครรภ์
- สำหรับเพศหญิง
วิตามินที่จำเป็นที่สุดต่อการตั้งครรภ์ในเพศหญิงที่คือ “กรดโฟลิก” เนื่องจากกรดโฟลิกจะมีส่วนช่วยในการสร้างตัวอ่อน ซ่อมแซมพันธุกรรม ควบคุมการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการแบ่งเซลล์ ซึ่งหากผู้เป็นแม่ได้รับกรดโฟลิกไม่เพียงพออาจทำให้ทารกในครรภ์เกิดความพิการได้ โดยก่อนที่คุณแม่จะมีการตั้งครรภ์ควรรับประทานกรดโฟลิกวันละ 400 ไมโครกรัม (0.4 มิลลิกรัม) ติดต่อกันอย่างน้อย 1-3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ และรับประทานต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนหลังตั้งครรภ์แล้วจะปลอดภัยที่สุด
- สำหรับเพศชาย
วิตามินสำหรับเพศชายส่วนมากจะเป็นวิตามิน และสารอาหารต่างๆที่ช่วยบำรุงสเปิร์ม ได้แก่กลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ซีลีเนียม(Selenium) ซิงค์(Zinc) วิตามินซี และวิตามิน E
เมื่อไรที่เราจะรู้ตัวว่ากำลังเข้าสู่ภาวะมีบุตรยาก
โดยปกติแล้วคู่รักที่มีสุขภาพร่างกายปกติดีจะสามารถตั้งครรภ์ได้ภายใน 1 ปี หลังจากพยายามมีบุตรดูและมีการเตรียมพร้อมสำหรับมีบุตรดังวิธีการข้างต้น แต่หากฝ่ายหญิงมีอายุน้อยกว่า 35 ปีและยังไม่ตั้งครรภ์ภายในระยะเวลา 1 ปี ควรเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
แต่กรณีที่ฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่า 35 ปีอาจสามารถพยายามมีบุตรต่อไปได้อีกประมาณ 6 เดือน (รวม 1 ปี 6 เดือน) หากยังไม่มีแนวโน้มว่าจะตั้งครรภ์จึงค่อยไปพบแพทย์
แต่หากฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ แล้วมีการแท้งบุตรเกิดขึ้นหลายครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือเนื่องมาจากความผิดปกติทางร่างกาย หรือการใช้ยารักษาโรคประจำตัว ควรเข้าพบกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางทันที
ที่มา:
- https://www.tommys.org/pregnancy-information/planning-pregnancy/are-you-ready-conceive/how-improve-male-fertility
- https://www.healthline.com/health/pregnancy/how-to-increase-chances-of-getting-pregnant
- http://www3.nurse.cmu.ac.th/healthyfaculty/download/mens.pdf
- https://www.paolohospital.com/
- https://www.phyathai.com/article_detail.php?id=1604
- https://www.quit.org.au/articles/smoking-and-fertility